หลวงพี่น้ำฝน อนุโมทนา พลังบุญกฐิน พลังร่วมใจ
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา วัดไผ่ล้อมได้รับกฐิน เนื่องในกฐินกาลประจำปี 2565 ดังที่ได้เจริญพรเรียนไปเมื่อฉบับก่อน ๆ โดยเป็นกฐินสามัคคี ซึ่งมีเจ้าภาพประธานกฐิน นำโดย ดร.อัญชลิน และ ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา แห่งบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟ่า จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ร่วมกับคณะศิษย์หลวงพ่อพูล หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อมทุกท่าน ก็เรียกได้ว่าเป็นกฐินสามัคคีสมชื่อ เพราะมากันหลายภาคส่วนจริง ๆ ในปีนี้ ส่วนของปัจจัยบริวารกฐิน อันประกอบเข้ากับผ้ากฐินนั้น รวมจำนวนได้กว่า 2,524,632 บาท (สองล้านห้าแสนสองหมื่นสี่พันหกร้อยสามสิบสองบาทถ้วน) ก็นับได้ว่าเป็นกฐินกองโต ซึ่งเงินปัจจัยที่ได้นี้จะนำไปสมทบทุนการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัด โดยเฉพาะอุโบสถเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอาตมาดำริให้บูรณะหลังจากที่อุโบสถหลังนี้ผ่านการใช้งานมาเกือบสามสิบปี มีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และอาตมาก็ดำริจะสร้างศาลารายรอบอุโบสถด้วย เพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ร่วมกับอุโบสถต่อไป
และในวันเดียวกันนี้ ได้มีการอัญเชิญ “พระพุทธไตรโลกนาถโอภาสนฤมิต”พระพุทธเจ้าปางเปิดโลกทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งญาติโยมได้ร่วมกันสร้างขึ้น ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกเหนือองค์หลวงพ่อพูลในวิหารหลวงพ่อพูล นับเป็นสัญญาณว่าวิหารหลวงพ่อพูลได้แล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ พระพุทธไตรโลกนาถโอภาสนฤมิตองค์นี้จะเป็นประธานแห่งวิหารหลวงพ่อพูล ประดิษฐานอยู่เบื้องบนสุดแห่งวิหารหลวงพ่อพูล รายล้อมด้วยภาพนูนต่ำเทวดาที่รายล้อมอยู่ มีความงดงามทุกประการ
วัดคือศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน หากไม่ใช่สถานที่ที่ต้องอนุรักษ์ตามหลักการแล้ว ก็ควรทำให้มีความงดงาม น่าเข้า น่าอยู่ น่าพึ่งพิง เงินปัจจัยทั้งหลายนี้คือส่วนที่จะทำให้วัดมีความงดงามอยู่เสมอ ไม่ทรุดโทรม ดูแล้วเจริญหูเจริญตา และพระสงฆ์ในวัดนั้นก็คือผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้วัดเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ตัวเงินอย่างเดียว เพราะถึงมีเงินสร้างอะไรมากมาย แต่ถ้าขาดการบำรุงรักษา ทำให้สะอาดเรียบร้อยก็ไม่มีประโยชน์อะไร วัดที่ขาดพระก็ไม่ต่างกับวัดร้าง พระคือสิ่งที่วัดต้องอาศัย อาศัยเพื่อให้น่าอยู่ น่าเป็นที่พึ่ง ตลอดระยะเวลาพรรษาที่ผ่านมา อาตมาก็ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ตลอดว่า เป็นพระวัดไผ่ล้อม ต้องอยู่ให้วัดอาศัย ไม่ใช่อาศัยวัดอยู่ พระต้องทำงาน ทำกิจของสงฆ์ที่พึงกระทำ ทำวัตรสวดมนต์อย่าให้ขาด เจริญภาวนาอย่าได้เว้น หมั่นทำความสะอาดวัดเป็นประจำ ทั้งกวาดทั้งล้าง วัดไผ่ล้อมสะอาด ดูน่ามอง ดูเรียบร้อย ก็เพราะพลังของพระในวัดทั้งนั้น คนเป็นพระไม่ใช่แค่กินเงินญาติโยมอยู่สบาย แต่ต้องกระทำตนให้เป็นแบบอย่าง อย่างน้อยที่สุดคือการทำหน้าที่ของพระ ของสมาชิกภายในวัดให้ดีที่สุด เป็นการฉลองศรัทธาของญาติโยมที่มีต่อวัด ฉลองพระคุณของญาติโยมที่ให้ข้าวปลาอาหารและปัจจัยเลี้ยงชีพ ปัจจัยสี่ของพระมาจากญาติโยม มิได้ซื้อเขามา เขาให้มาด้วยศรัทธา จบขึ้นศีรษะกันมา เป็นพระต้องจำข้อนี้ไว้ทีเดียว
ปัจจัยสองล้านห้าแสนบาทจากกองกฐินนี้ ก็นับได้ว่ามาด้วยใจบริสุทธิ์ ต้องบันทึกเอาไว้ว่าวัดไผ่ล้อมไม่เคยพิมพ์ซองกฐินมาตั้งแต่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อาตมาไม่เคยไปแจกซองกฐินให้ใคร เมื่อญาติโยมตั้งกองกฐิน กำหนดวันกันมา ปัจจัยบริวารกฐินก็ตามมา เป็นหลักล้านทุกปี ข้อนี้ก็สะท้อนถึงศรัทธาที่มีต่อวัดไผ่ล้อมแต่ครั้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล มาจนถึงบัดนี้ก็ยังคงสืบต่อความศรัทธา ร่วมกันสร้างสรรค์ประโยชน์สุขต่อไป
เงินหลักล้านนี้เห็นเป็นก้อนใหญ่ แต่แท้จริงแล้วมันมีทั้งก้อนเล็กก้อนใหญ่ ตั้งแต่บาทสองบาทไปจนถึงหลักแสนหลักล้าน เอารวมกันเข้ามาเป็นกองเดียว ทุกก้อนล้วนมีมูลค่าความสำคัญเหมือนกันทั้งนั้น จะขาดก้อนไหนไปไม่ได้ เงินล้านห้านี้จะขาดเงินก้อนไหนไปไม่ได้แม้จะเป็นก้อนเล็กที่สุด ทุกคนที่มีส่วนในบุญนี้จึงควรได้รับการอนุโมทนาร่วมกันทุกคนโดยไม่เว้นผู้ใดเลย
ส่วนผู้ที่ได้รับทราบเนื้อความทั้งหมดแล้ว ทุกท่านก็ล้วนได้บุญเหมือนกัน เพียงมีจิตอนุโมทนาต่อการบุญที่เกิดขึ้น เพราะการอนุโมทนานั้น คือการร่วมชื่นชมยินดีในบุญที่ผู้อื่นได้กระทำ แม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่ได้เอ่ยนามจำเพาะเจาะจงถึงใคร แต่ถ้าเราเห็นแล้วเรามีจิตยินดี ชื่นชมยินดี อย่างนี้ก็สำเร็จเป็นปัตตานุโมทนามัย เป็นบ่อเกิดแห่งบุญอีกประการหนึ่ง
การได้ปัตตานุโมทนามัยนั้น มิจำเป็นแค่การทำบุญในวัดเท่านั้น แต่การทำความดีในรูปแบบใด ๆ ก็ตาม หากเรามีจิตยินดีในบุญที่เขากระทำก็ได้เป็นปัตตานุโมทนามัยแล้ว การอนุโมทนาให้เป็นนิสัยแม้เราจะไม่ได้ไปทำบุญนั้นด้วยตัวเอง เป็นการขัดเกลาตนเองในรูปแบบหนึ่ง เพื่อชำระความอิจฉาริษยา การแข่งดี อวดดี ความมีมานะ การดูหมิ่น ให้ออกไปจากจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นใครทำก็ตาม
ฉะนั้น อาตมาก็ขอเชิญชวนทุกท่านให้ได้อนุโมทนาบุญในครั้งนี้ เพื่อที่ว่าทุกท่านจะได้บุญโดยถ้วนหน้ากันทุกคน ขอเจริญพร