กาญจนบุรี พายุโนรู ส่งต่อพายุเนสารท กาญจน์เจอเต็มๆ พ่อเมืองกาญจน์ ห่วง ปชช.จากภัยน้ำท่วม แนะระวังกระแสไฟ-สัตว์มีพิษ-อุณหภูมิลด ส่วนในเขตเทศบาลเมืองปากแพรก ผ่านไม่ได้ต้องปิดเส้นทางเนื่องจากระดับน้ำสูง รถยนต์เจอน้ำเข้าจอดเป็นจำนวนมาก
วันนี้ 11 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า กรณีปัญหาเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมตั้งแต่ 2-3 วันที่ผ่านมานั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีพายุโนรูเข้ามาในประเทศไทยทางด้านทิศตะวันออกซึ่งตัวของพายุได้เฉียงขึ้นไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากนั้นก็มีกายสลายตัว แต่ปรากฎว่าในขณะที่พายุพัดผ่านภาคกลางประกอบกับพายุลูกนี้ไปเจอความกดอากาศที่แปรปรวนทำให้เกิดเมฆฝนกระจายตัวและมีบางส่วนพัดข้ามาทางจังหวัดกาญจนบุรี ของเรา เริ่มตั้งแต่อำเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค เมือง ด่านมะขามเตี้ยไปถึงอำเภอท่ามะกา ส่วนอำเภอทางด้านทิศตะวันออกประกอบด้วย อ.พนมทวน เลาขวัญ หนองปรือ ห้วยกระเจา ภาพรวมได้รับผลกระทบมากน้อยที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่เราพบคือพื้นดินมีความชุ่มน้ำ เมื่อพื้นดินชุ่มน้ำทำให้มวลน้ำต่างๆที่เหลือก็จะไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ และเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ ไหลลงมาสู่แม่น้ำแควน้อยและแควใหญ่มาบรรจบกันที่ต้นแม่น้ำแม่กลอง ในส่วนที่เป็นพื้นดินนั้นมีน้ำท่วมขังไปบางส่วนโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบ่อพลอย และอำเภอหนองปรือ ในส่วนพื้นที่ของอำเภอเมืองมีน้ำท่วมขังที่บริเวณถนนเลี่ยงเมือง (บายพาส) ถ.พัฒนากาญจน์ รวมทั้งบริเวณชุมชนบ้านดงกระเบา แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี จากทั้งหน่วยงาน ปภ.นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่นผู้นำท้องที่ จิตอาสามูลนิธิต่างๆ นายกเทศมนตรีที่มีอยู่รอบๆตัวเมือง และทหาร ตำรวจ เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการผลักดันน้ำออกไปสู่ที่ต่ำโดย 2-3 วันที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรีได้มีการประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งทางนายก อบจ.กาญจนบุรี ได้มาร่วมประชุมด้วย จึงได้มีแผนป้องกันใน 3 ระดับคือแผนเผชิญหน้า แผนระยะกลาง และระยะยาว สำหรับแผนระยะยาวจะเริ่มตั้งแต่ ต.แก่งเสี้ยน ซึ่งเป็นแผนดำเนินการของ อบจ.ร่วมกับทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะดันน้ำบริเวณนี้ลงสู่แม่น้ำแควใหญ่ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งหากน้ำบริเวณนี้ลงสู่แม่น้ำแควใหญ่ได้เร็วขึ้นจะทำให้มวลน้ำที่ไหลมาตามท่อระบายน้ำหรือตามถนนต่างๆมันก็จะลดน้อยลง
ส่วนน้ำที่ยังท่วมขังอยู่ตามถนนสายพัฒนากาญจน์ รวมทั้งถนนเลี่ยงเมืองและตามทางรถไฟเราจะผลักลงสู่คลองส่งน้ำท่าล้อ-อู่ทอง ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง ซึ่งมวลน้ำจะไหลไปทาง ต.จระเข้สามพันธ์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี สิ่งนี้คือการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรีสำหรับกรณีที่ทางรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าระหว่างวันที่ 10-11 ต.ค.นี้อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯนั้น เมื่อมีความแปรปรวนของความกดอากาศ ทางกรมอุตุฯก็ได้ประกาศเตือนไปแล้ว ด้วยเหตุที่จังหวัดกาญจนบุรีของเราเป็นพื้นที่สูงลักษณะคล้ายๆกับทางภาคเหนือ ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิลดลงคล้ายๆกัน ซึ่งพี่น้องประชาชนจะต้องเตรียมตัวเอาไว้ โดยที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรีได้มอบหมายให้ สำนักงาน ปภ.แจ้งไปยังอำเภอ รวมทั้งผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับทราบแล้วว่านอกจากจะรับกับสถานการณ์น้ำท่วมแล้วจะต้องเตรียมรับเกี่ยวกับเรื่องของภัยหนาวด้วย
นอกจากนี้ยังได้แจ้งย้ำไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆให้ทราบว่า ว่าหากเกินกำลังความสามารถที่จะรับกับภัยน้ำท่วมและภัยหนาวได้ ให้รีบแจ้งไปยังอำเภอโดยเร็วเพื่อที่ทางจังหวัดจะได้ลงพื้นที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมที่จังหวัดกาญจนบุรีของเราได้เตรียมตัวเอาไว้ตามขั้นตอนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 13 อำเภอ
สำหรับปัญหาน้ำท่วมภัยเฉพาะหน้าที่ใกล้ตัวประชาชนนั้นมีทั้งเรื่องของสัตว์มีพิษรวมทั้งเรื่องของกระแสไฟฟ้าและขยะขนาดใหญ่ที่อาจจะไหลมากับกระแสน้ำแล้วไปกระแทกกับประชาชนได้รับบาดเจ็บได้ เรื่องนี้ทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งไปยังอำเภอและผู้นำท้องถิ่น ออกประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ให้กับประชาชนในทุกช่องทางแล้วเช่นกัน ในเขตพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจน์และเทศบาลเมืองปากแพรก ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ขณะนี้ท่วมท่วมสูง ถนนหลายสายต้องปิดการจารจรเด็ดขาดเนื่องจากรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้ การไฟฟ้าต้องเร่งออกตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าช็อก เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ทำงานหนัก ต้องเข้าช่วยเหลือรถยนต์จอดเสีย การขนย้ายผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่เสี่ยงในครั้งนี้./
///////////////////////////////////////////////////////
ทีมข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์