อยุธยา ผู้ว่าฯเดินหน้าลงพื้นที่ตรวจติดตามและยกระดับพนังกั้นน้ำสถานที่สำคัญ พร้อมให้กำลังผู้ปฏิบัติหน้าที่ หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาแจ้งระบายน้ำเพิ่มขึ้น
วันนี้ (30 ส.ค.65) นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำ ณ บริเวณพระตำหนักสิริยาลัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเยี่ยมพบปะให้กำลังใจกำลังพลทหารจากกองงานวัตถุระเบิด นำโดย จ่าสิบเอก สุพจน์ สุทธิผล ผู้ควบคุมกองงานวัตถุระเบิด พร้อมกำลังพล จำนวน 30 นาย มาสนับสนุนการกรอกกระสอบทราย เพื่อยกระดับการป้องกันน้ำพนัง B โดยมี นายสุระชัย กุหลาบ ผู้ดูแลพระตำหนักสิริยาลัย ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ พร้อมด้วย พันเอก ภัทราวุธ ทิพโกมุท รองผอ.รมน.จ. นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายธนากร ตันติกุล ผอ.โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
โดย นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการรายงานของโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ได้ประเมินสถานการณ์ปริมาณน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ (30 สิงหาคม) มีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C13 จ.ชัยนาท ที่ 1,650 ลบ.ม/วิ ส่งผลให้ในวันพรุ่งนี้ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 30 ซม แต่ทั้งนี้ จะระบายไม่เกิน 1,800 ลบ.ม/วินาที โดยวันที่ 3 – 8 กันยายนนี้ จะมีมรสุมเข้าอีก จึงต้องมีการเตรียมการป้องกันยกพนัง B ซึ่งจะใช้เวลา 3 วัน ในการจัดตั้งผนังกั้นน้ำ จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงานให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี
ด้าน นายธนากร ตันติกุล ผอ.โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา รายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากเมื่อวาน 1,579 เป็น 1,618 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นบริเวณแม่น้ำน้อย แม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 10 เซนติเมตร ในส่วนของแม่น้ำป่าสัก เมื่อวานนี้ระบายอยู่ 431 วันนี้ลดลงเหลือ 421 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้การควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก ไม่ให้เกิน 550 ลบ.ม/วิ เพื่อที่จะลดผลกระทบทางด้านท้ายน้ำในเขตเทศบาลอำเภอท่าเรือ ในส่วนการระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสัก วันนี้จะลดการระบายน้ำจาก 431 ลงเหลือ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเก็บกักน้ำไว้ในเขื่อนเนื่องจากฝนเริ่มลดน้อยลง
ส่วนการช่วยเหลือ กรมชลประทาน ได้นำเครื่องสูบน้ำไปช่วยเหลือพื้นที่นาข้าวในเขตอำเภอบางบาล จำนวน 3 คัน ซึ่งประสบปัญหาที่ กบเจา และมหาพราหมณ์ เพื่อที่จะช่วยเหลือพื้นที่เกษตรให้สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ ภาพรวมพื้นที่การเกษตรได้ตอนนี้เสียหายไปประมาณสัก 2,700 กว่าไร่ ตามที่ได้มีการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าว ในช่วงฤดูฝนให้เร็วขึ้น จากเดิมเริ่มปลูกเดือนพฤษภาคม เลื่อนขึ้นมาเป็นช่วงเดือนเมษายน เพื่อที่จะให้เก็บเกี่ยวให้ทันภายใน 15 กันยายน อย่างไรก็ตาม ขอให้ติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีพื้นที่รองรับน้ำได้ประมาณ 4 แสนกว่าไร่ เก็บกักน้ำได้ประมาณ 700 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร
ข่าว : ส.ปชส.พระนครศรีอยุธยา (ชาญ ชูกลิ่น รายงาน)