สัพเพเหระกลางปี โควิด-19หมดไม่หมด ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อ
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน เวลานี้ก็นับได้ว่าเป็นเวลากลางปีแล้ว ปีหนึ่ง ๆ นั้นนับว่าผ่านไปไวนัก นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ทุกท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่าทางราชการได้เริ่มคลายล็อกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 จนอาจจะกล่าวได้ว่า ชีวิตปกติ (ใหม่) กำลังจะกลับมา โดยเฉพาะเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้บังคับให้สวมตลอดเวลาอีกต่อไป หากเป็นที่โล่งแจ้งก็ให้ถอดได้ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ก็เปิดได้ เที่ยวบินระหว่างประเทศก็เริ่มกลับมาบินอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งของโลกในภาพรวมจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ชะงักงันอย่างเมื่อสองปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยว ฝรั่งมังค่ากลับมาตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ คนไทยก็เริ่มออกไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ที่วัดไผ่ล้อมเองก็เริ่มมีญาติโยมจากประเทศข้างเคียง เช่น สิงคโปร์ เริ่มเข้ามายังวัด ถามว่ามาทำอะไร ก็มาทำพิธีลงนะหน้าทองตามตำรับหลวงพ่อพูล พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูลนี้ท่านมีชื่อเสียงมานานทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศในที่ไกล ๆ ในเรื่องความเมตตากรุณา และพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์ จนมาถึงสมัยอาตมาก็ยังคงมีญาติโยมต่างชาติต่างภาษามาอยู่เรื่อย ๆ ถึงกับเหมารถจากกรุงเทพฯ มาตามหาไผ่ล้อมเทมเปิ้ลอยู่เนือง ๆ
แต่เรื่องหนึ่งที่ดูจะสวนทางกับมาตรการคลายล็อกของทางราชการ คือ จำนวนผู้ติดเชื้อที่ดูจะมากขึ้น ทั้งรายใหม่ และรายที่เป็นซ้ำ เดี๋ยวก็ได้ข่าวคนใกล้ตัวคนนู้นคนนี้ขึ้นสองขีด แต่มาจนถึงตอนนี้แล้วก็เชื่อว่าหลายคนดูจะชินชากับบรรยากาศแบบนี้ เพราะว่ามันได้กลายเป็นความปกติใหม่ไปแล้ว แต่เรื่องที่ว่าดีคือ แม้คนจะติดเยอะ แต่อาการไม่รุนแรง ไม่ตายมากเหมือนระยะแรก ๆ นั่นก็คงเพราะประชากรไทยจำนวนมากได้รับวัคซีนอย่างน้อยสองเข็มแล้ว นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า วัคซีนเป็นสิ่งที่ไม่กันติด แต่กันตาย คนฉีดวัคซีนแล้วเป็นโรคได้ แต่อาการไม่รุนแรงเพราะระบบภูมิคุ้มกันเรารู้จักเชื้อโรคแล้ว
อีกเรื่องที่ตามมาติด ๆ ก็คือ ข้าวยากหมากแพง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง แพงขึ้นเหมือนเป็นบ้า ราคาสินค้าก็ทะยานตามไปด้วยแทบทุกหมวดสินค้า ต้นตอต้นเหตุนั้นมันก็มาจากสงครามที่รบกันในเมืองยุโรปนู่น ซึ่งจนตอนนี้ก็ยังคงรบรากันอยู่ไม่จบเสียที และไม่มีทีท่าว่าจะจบง่าย ๆ แถมจะขยายวงอีกด้วยต่างหาก พอเป็นแบบนี้ก็คงยากที่ราคาสินค้าจะลดลงไปได้
ตรงนี้ก็ทำให้เห็นว่า โลกของเราไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริง ๆ ความไม่แน่นอนของโลกก็คือความแน่นอนของโลก ห้าปีที่แล้วใครจะคิดว่าเราจะเจอโรคระบาดที่แพร่ไปทุกประเทศในโลก จนทำคนตายเป็นเบืออย่างที่เราเห็นกันในรอบสองปีมานี้ ห้าปีที่แล้วใครจะคิดว่าสงครามขนาดใหญ่ที่ส่งทหารจำนวนมากเข้าไปยึดเมือง ยิงจรวดถล่มเมืองอีก จนก่อให้เกิดความเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพงในวงกว้างเหมือนสมัยสงครามโลก ปรากฏว่า มันก็กลับมาเกิดขึ้น ให้เราเห็นกับตาของตนเอง ในเมื่อสัจธรรมเป็นแบบนี้แล้ว มันก็พิสูจน์สิ่งที่พระพุทธองค์สอนให้รับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือการมีสติ ไม่ว่าอะไรมันจะมา มันจะไป มันจะเป็นยังไงก็ตาม พระพุทธเจ้าท่านรู้ธรรมชาติของโลกแบบนี้อยู่แล้ว ท่านจึงสอนให้มีสติ ให้พร้อมรับมือกับความบ้าในโลกนี้ ถ้าเรารับมือไม่ได้ หรือไม่ดีพอ เราก็จะปวดหัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และนั่นทำให้เราจมอยู่กับความทุกข์นั่นเอง
ความทุกข์จากสิ่งต่าง ๆ เป็นของธรรมดาโลก ตราบเท่าที่เรายังอยู่ในสังสารวัฏ เราก็มีความทุกข์เป็นของธรรมดา ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องวิ่งหนีความทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแบบนั้น พระพุทธเจ้าสอนว่าให้รู้ทันทุกข์และอยู่กับมันให้ได้ และที่มาแห่งความทุกข์ก็คือความไม่แน่นอนของโลกนั่นแหละ อย่างเช่นแต่ก่อนไม่มีโรคระบาด มาวันนี้โรคระบาดมันมา มันมากระทบกับชีวิตและปากท้องของเรา นั่นไงความทุกข์มาแล้ว ไม่มีมครเรียกร้องให้มันมาแต่มันก็มาเอง แต่ว่าถ้าเราไม่มีสติ เราก็จะยิ่งไหลๆๆๆ ไปกับความทุกข์ระทมที่เกิดขึ้น มันก็จะเป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ ทุกข์ร้อยเท่าพันทวี โดยมองไม่เห็นทางดับทุกข์ เหมือนผู้ที่ติดในห้องพิศวง หาทางออกมิได้ทั้งที่มันมีอยู่
แต่ถ้ามีสติ เราติดอยู่ในห้องพิศวงเป็นเขาวงกต เราก็ค่อย ๆ คลำหาทางออก ยากหน่อยแต่ก็หาทางออกได้
ฉะนั้น เมื่อเกิดปัญหา เกิดความทุกข์ เรารู้สึกร้อนรน แต่เราต้องรีบรู้ตัว รู้ใจของตน เพื่อไม่ให้จมและไหลไปกับความทุกข์มากกว่านี้ ตั้งสติ สูดหายใจลึก ๆ สักที มีศรัทธาต่อสักสิ่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้ก้าวเดินต่อไป และนั่นก็คือทางรอดจากโลกบ้า ๆ ใบนี้ ก่อนจะจบตอนในครั้งนี้ อาตมาขอใช้พื้นที่นี้แจ้งข่าวสารงานบุญ จากการหล่อพระพุทธรูป พระพุทธเจ้าปางเปิดโลกทองคำ รวมทั้งพระองคุลีมาลที่ผ่านมา บัดนี้การต่าง ๆ ได้ลุล่วงแล้ว และจะได้กระทำพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธเจ้าปางเปิดโลก พระองคุลีมาลเถระ ท้าวเวสสุวรรณ และท้าวกุเวรมหาราช ในวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2565 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 เป็นฤกษ์มหามงคล โดยพิธีการจะเริ่มตั้งแต่เวลา 14.19 น. เป็นต้นไป ณ วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม และในเวลาค่ำจะมีพิธีสวดภาณยักษ์ ตามตำรับโบราณ ขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป จึงขอเจริญพรประชาสัมพันธ์มา ณ ที่นี้ ขอเจริญพร