ท้องถิ่นต้องมีอำนาจเรื่องเศรษฐกิจด้วย! “ปิยบุตร” เยือน “สิงห์บุรี” ชูปลดล็อกท้องถิ่น เพิ่มศักยภาพสินค้า “จีไอ”
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น เยือน “สิงห์บุรี” มั่นใจอำนาจ-งาน-เงิน-คน มาให้ท้องถิ่นประชาชนได้ประโยชน์ – ชี้การจัดทำบริการสาธารณะต้องตีความใหม่รวมเรื่อง “เศรษฐกิจ” ด้วย เชื่อเพิ่มศักยภาพ “ปลาช่อนแม่ลา – ส้มโอขาวแตงกวา” สินค้าจีไอของทั้งสองพื้นที่ได้
ปิยบุตร กล่าวในหัวข้อ “คนสิงห์ได้อะไร ปลดล็อกท้องถิ่น ยุติรัฐราชการรวมศูนย์” ว่า สิงห์บุรีได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งน่าจะเคยได้ยินกันคือการแย่งน้ำทำนา ปัญหานี้เกิดจากระบบการชลประทานที่จะเอาน้ำเข้าสู่ที่ดินเพื่อการเพาะปลูก มีหน่วยงานรับผิดชอบเต็มไปหมด ทำให้ไม่มีเอกภาพ แต่ถ้าเราเปลี่ยนใหม่ว่า ปัญหาจัดการน้ำในสิงห์บุรีให้เป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในสิงห์บุรี เรื่องระบบชลประทานในจังหวัดไปสู่ที่ดินของเกษตรกรก็จะทำได้ง่ายขึ้น แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ อีกหนึ่งอย่างที่ขึ้นชื่อของจังหวัดคือปลาช่อนแม่ลา ซึ่งตอนนี้ได้รับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ ที่จะทำให้กระบวนการผลิต สินค้ามีมาตรฐานตามที่กำหนด ซึ่งจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่า คุณภาพ และใครจะมาอ้างว่าเป็นปลาช่อนแม่ลาโดยไม่มีมาตรฐานนี้ไม่ได้ แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันตรงลำแม่น้ำลา ไม่สามารถตั้งโรงงานการผลิตได้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่ควรจะเป็นในการผลิตปลาช่อนแม่ลาก็ควรจะใช้ตรงแม่น้ำลา เพาะพันธุ์ ผลิตตรงบริเวณนี้ เพื่อให้มีเรื่องราว มีจุดขาย แต่ทว่าการจะออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน ต้องขอใบอนุญาตหลายใบหลายหน่วยงาน ซึ่งถ้าเปลี่ยนให้ท้องถิ่นสิงห์บุรีดูแลทั้งหมด เพียงแต่กำหนดเรื่องมาตรฐาน ทุกอย่างก็จบและง่ายขึ้น สร้างเศรษฐกิจให้กับจังหวัดสิงห์บุรี นี่คือสิ่งที่บอกว่าการกระจายอำนาจเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพี่น้องประชาชน
ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า เรื่องของการกระจายอำนาจ ได้รับการรับรองไว้ในในรัฐธรรมนูญ 2540 โดยหลักการสำคัญคือ 1.มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แยกออกมาจากรัฐราชการส่วนกลาง 2.ผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งของประชาชนในพื้นที่ 3. ท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่เป็นของตัวเอง 4.ท้องถิ่นมีงบประมาณ มีความเป็นอิสระในการใช้งบประมาณของตัวเอง 5.ท้องถิ่นมีบุคคลากรเป็นของตัวเอง และ 6. มีหลักการกำกับดูแลโดยส่วนกลางที่ไม่ใช่การสั่งการบังคับบัญชา
ทั้งหมดนี้ จากที่เราเริ่มต้นมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 แต่ความคืบหน้ากลับไปไม่ถึงไหน ที่ได้มาก็แค่มีการตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเกิดขึ้นแล้ว มีการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยประชาชนในพื้นที่แล้ว แต่เรื่องของอำนาจหน้าที่เป็นของตัวเอง เรื่องงบประมาณ เรื่องบุคคลากร เรื่องหลังการกำกับดูแลนั้นยังไม่เกิดขึ้น และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เรามารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยข้อเสนอของเรา ในเรื่องของอำนาจนั้น เสนอให้การจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่เป็นของท้องถิ่นทุกเรื่อง ยกเว้นที่กฎหมายระบุ เช่น การเงินการคลัง ความมั่นคง การต่างประเทศ ให้รัฐบาลส่วนกลางทำ รวมถึงเรื่องที่หากท้องถิ่นไม่มีศักยภาพก็สามารถร้องขอส่วนกลางได้ เพราะตอนนี้ ถ้าไปดูในระดับจังหวัด จะมีหน่วยงาน 7 หน่วย จากกระทรวงมหาดไทย และ 28 หน่วยงานจากกระทรวง กรมต่างๆ ที่มามีอำนาจ ที่ทุกวันนี้ผู้บริหารท้องถิ่นจะทำอะไรต้องไปขออนุญาต ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปแก้ไขเอาอำนาจให้ท้องถิ่น
“สำหรับเรื่องงบประมาณ รัฐธรรมนูญ 2540 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นว่า ต้องเพิ่มให้ท้องถิ่นเรื่อยๆ ซึ่งมาจนถึงวันนี้สัดส่วนอยู่ที่ส่วนกลาง 65% และท้องถิ่น 35 % แต่ความตั้งใจตามข้อเสนอของเราคือ ต้องปรับเป็น 50 ต่อ 50 เพราะท้องถิ่นที่มีอำนาจ ภารกิจหน้าที่ที่เยอะขึ้นจะได้ไม่ต้องไปร้องของบประมาณจากส่วนกลาง จนทำให้อำนาจส่วนกลางยังคงขี่คอผู้บริหารท้องถิ่นอยู่ นอกจากนี้ ต้องเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีตัวใหม่ๆ ได้ ไม่ใช่แค่ภาษีตัวเล็กๆ อย่างภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน เท่านั้น นอกจากนี้ เราเสนอให้ท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรของเมือง รวมถึงกู้เงินเพื่อมาจัดทำบริการสาธารณะให้ประชาชนได้ด้วย และอีกข้อเสนอที่สำคัญคือ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้องไม่ใช่แค่เป็นการเอาระบบราชการมาไว้ที่ท้องถิ่น ดังนั้น เราจะต้องสร้างกระบวนการที่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม เช่น สัญญาจัดซื้อจัดจ้างต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รู้ทั้งหมด การประชุมสภาท้องถิ่นต้องถ่ายทอดสด เพราะเราเชื่อว่าถ้าเราเอาเรื่องเหล่านี้มาไว้ในที่แจ้ง การทุจริตจะลดลงโดยปริยาย เพราะประชาชนจะเข้ามาตรวจสอบ ประชาชนจะรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจ นอกจากนี้ งบประมาณท้องถิ่น เราเสนอให้คนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเอาไปทำอะไรโครงการอะไรในท้องถิ่นด้วย และเพื่อไม่ให้ผู้บริหารท้องถิ่นกับสถาท้องถิ่นที่เป็นพวกเดียวกันไม่มีการตรวจสอบกัน ข้อเสนอเราคือการมีสภาพลเมืองท้องถิ่นที่มาจากประชาชน มีหน้าที่ร่วมเสนอแนะ ตรวจสอบ การทำงานของผู้บริหารและสภาท้องถิ่นด้วย” ปิยบุตร กล่าว