จังหวัดตรัง จัดพิธีถวายพานพุ่มเนื่องใน “วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อราษฎร และแผ่นดินไทย
ที่หอประชุมโรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เนื่องใน “วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” ซึ่งตรงกับวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี โดยมีข้าราชการ พนักงานราชการ ทุกสังกัดกระทรวงเข้าร่วมงานรัฐพิธีฯ ในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระมหาเจษฎาราชเจ้า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงมีพระบรมราชคุณูปการแก่ประเทศและประชาชนเป็นล้นพ้นที่จะพรรณนาได้ เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น บ้านเมืองเริ่มเผชิญปัญหาด้านสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศในยุโรปและอเมริกา แต่ด้วยพระปรีชาญานอันสุขุมลึกซึ้งได้ผ่อนปรนมิให้กระทบกระเทือนทั้งผลประโยชน์ของประเทศและสัมพันธไมตรีระหว่างกัน ได้ทำนุบำรุงการพาณิชย์นาวี และมีการติดต่อค้าขายกับนานาประเทศอย่างกว้างขวาง
ในส่วนการบำรุงรักษาความมั่นคงของประเทศนั้นทรงยึดหลักการ รักษาศักดิ์ศรีของประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นพระองค์จึงทรงทุ่มเทป้องกันข้าศึกษาที่แผ่อิทธิพลเข้ามาทำลายความสงบสุขภายในหัวเมืองในพระราชอาณาเขต ด้วยการส่งกองทัพไปปราบปรามทำให้ข้าศึกษาระย่อหยุดยั้งลง การศึกแม้จะยืดเยื้อเนิ่นนานแต่ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจในรัชสมัยได้จัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย จึงมิได้กระทบกระเทือนสถานภาพการเงินของประเทศทรงทำลายฝิ่น ซึ่งเป็นยาเสพติดร้ายแรงในสมัยนั้นให้หมดไปจากประเทศ เพื่อป้องกันพสกนิกรให้รอดพ้น จากความหายนะ อันเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ น้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยแผ่นดินล้นพ้นสุดที่จะคณานับได้ พระราชทานเสรีภาพให้หมู่พระบรมราชวงศ์ มุขอำมาตย์ ข้าราชการ เลือกสรรอัญเชิญ ผู้ที่เหมาะสมสืบราชสันตติวงศ์ ทรงจัดสรรพระราชทรัพย์ พระราชทานไว้ทำนุบำรุงพระอารามที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จ และพระราชทานทรัพย์ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ ส่วนที่พระราชทานไว้แก่แผ่นดิน ซึ่งเก็บรักษาไว้ในถุงแดงเป็นจำนวนหลายหมื่นชั่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาเป็นค่าชดใช้แลกเปลี่ยนอธิปไตยของชาติในกรณีพิพาทดินแดน ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ.112 อันเป็นวิกฤตการณ์ที่คับขันล่อแปลมในสมัยนั้นอย่างยิ่งยวดจึงอาจกล่าวได้ว่า ถ้ามิใช่พระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานพระราชทรัพย์ไว้แล้ว ชาวไทยทั้งมวลจะภาคภูมิในความเป็นชาติเอกราชอย่างสง่าผ่าเผยเช่นปัจจุบันนี้มิได้ พระราชกรณียกิจตลอดเวลา 27 ปี แห่งการครองราชย์ทรงสร้างสรรค์คุณประโยชน์อเนกอนันต์อันเป็นรากฐานแห่งความเจริญวัฒนาทั้งสิ้น
มนต์เจริญ ศรีมงคล จ.ตรัง