สุพรรณบุรี ไฟไหม้บ้านทรงไทยอายุกว่า100ปีวอดกว่า 5ล้านเจ้าของบ้านวัย82ปีหวิดถูกไฟคลอก
ที่จังหวัดสุพรรณบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรีรับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้าน14/7 หมู่ 7ตำบลวังหว้า จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมประสานรถดำเพลิงจากเทศบาลตำบลวังหว้า ตำบลบ้านกร่าง ตำบลดอนปรู ตำบลวังน้ำซับ ตำบลศรีประจันต์ และพื้นที่ใกล้เคียง นับ 10 คันและเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ไปช่วยดับเพลิง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ ยกพื้นสูงพบไฟกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงทั่วทั้งหลังและที่ใต้ถุนบ้านยังมีรถยนต์เอนกประสงค์จอดอยู่ 1 คันเจ้าหน้าที่จึงรีบระดมฉีดน้ำสกัดเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามยังพื้นที่ใกล้เคียง ใช้เวลากว่า 40 นาทีเพลิงจึงสงบระหว่างที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำสกัดเจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านได้ใช้เชือกผูกรถเอนกประสงค์และใช้รถยนต์ลากโดยมีชาวบ้าน ช่วยลากออกมาได้ทันและปลอดภัยก่อนที่จะถูกไฟไหม้
นางนิสารัตน์ อินสว่าง ลูกสาวเจ้าของบ้านเล่าว่าตนไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพ และกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อวันเสาร์เพื่อมาเยี่ยมแม่และก่อนเกิดเหตุตนไปดูคนงานปลูกอ้อย ที่บ้านเหลือแม่วัย 82 ปีอยู่กับลูกชายของตนอายุ 25 ปีโดยแม่ นอนอยู่ที่ใต้ถุน ส่วนลูกชายนอนอยู่ที่ชั้นบน ระหว่างนั้นตนเห็นควันไฟลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจำนวนมากแต่ไม่คิดว่าไฟไหม้บ้านของแม่ จากนั้นลูกชายได้โทรมาบอกว่าไฟไหม้บ้านจึงรีบมาดู ก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้บ้านทั่วทั้งหลังส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบเพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
ทางด้าน นายพรเทพ อนุรักษ์จันทรา อายุ 62ปีลูกเขยเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจรับซื้อของเก่าเล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนกำลังทำงานอยู่ที่ร้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้าน มีคนงานบอกว่าไฟไหม้บ้านก็ตกใจรีบคว้าถังเคมีดับเพลิงวิ่งมาที่บ้านและรีบขึ้นไปบนบ้านที่ไฟกำลังลุกไหม้เพื่อใช้เคมีดับเพลิงดับไฟที่กำลังลุกไหม้แต่ไม่สามารถดับได้ จากนั้นได้มีคนโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มาช่วยกันดับไฟ โชคดีที่เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ไม่มีใครได้บาดเจ็บและได้รับอันตรายแต่อย่างใด
สำหรับบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม่สักทรงไทย 2 หลังใหญ่เป็นบ้านของแม่ยายส่วนทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้เบื้องต้นมีอาวุธปืน 2 กระบอก พระเลี่ยมทอง อีกหลายองค์และเงินสดที่สำรองเตรียมไว้จ่ายให้ลูกค้าที่นำพลาสติกมาขายอีกกว่า 200,000 บาทมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5,000,000 บาทส่วนสาเหตุเบื้องต้นตนคิดว่ามาจากไฟฟ้าลัดวงจรแต่ไม่รู้ว่าจุดไหน เนื่องจากสายไฟฟ้าภายในบ้านตนก็เปลี่ยนไปเมื่อประมาณ 5 ปี อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสารเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเหตี่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภัทรพล พรมพัก/สุพรรณบุรี