นนทบุรี กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวร่วมกับวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์สร้างอาชีพและโอกาสทางการศึกษา
ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ อ.เมือง จ.นนทบุรี นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้ประชุมร่วมกับนายวิเชียร เนียมน้อม ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ , นายวัชระ เกษสำลี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจ ถึงแนวทางความร่วมมือในการให้โอกาสทางการศึกษาและการสร้างอาชีพแก่สตรี ครอบครัว เด็กและเยาวชนในความดูแลของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
โดยนายวิเชียร เนียมน้อม กล่าวให้การต้อนรับและบรรยายถึงภารกิจของวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ที่ให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนได้เข้าเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)ในสาขาวิชาธุรกิจค้าปลีก , สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง ,สาขาวิชาแมคคานิคและหุ่นยนต์ และสาขาวิชาเทคนิควิทยาการนาฬิกาซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่แห่งแรกของประเทศไทย จากการหารือในครั้งนี้ วิทยาลัยฯมีความพร้อมในการสนับสนุนด้านการศึกษาทั้งในส่วนกลาง ,ศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ 20 แห่งทั่วประเทศ และสถานศึกษาในความร่วมมืออีกทุกจังหวัดทั่วประเทศกว่า117แห่ง โดยนักเรียนจะได้รับทุนการศึกษา มีรายได้ระหว่างเรียน และมีงานทำเมื่อจบการศึกษา นอกจากนี้ยังสนับสนุนการฝึกวิชาชีพการทำกาแฟ , การฝึกอบรมช่างไฟฟ้า , การฝึกอบรมผู้สัมผัสอาหาร , การให้ความรู้การออกแบบและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ โดยวิทยาลัยฯพร้อมที่จะจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานร่วมกันต่อไป
ทางด้านนางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ ได้กล่าวว่ากรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีหน่วยงานที่ดูแลสตรีและบุคคลในครอบครัว เช่น ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี , สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และขอบคุณในความร่วมมือจากวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ที่ให้โอกาสทางการศึกษาและการฝึกอาชีพแก่สตรี ครอบครัว ที่อยู่ในความดูแลของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ขณะนี้ได้ให้ความสำคัญกับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว , กลุ่มที่เปราะบาง , การฝึกอาชีพให้สามารถออกไปประกอบอาชีพต่อไปได้อย่างยั่งยืน และการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในครอบครัว จากการหารือในครั้งนี้จะได้ดำเนินการจัดทำกรอบงานในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่างกันให้มีแผนปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรม และพร้อมที่จะดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อไป .
