กาญจนบุรี จับไม่เว้นวันหยุด แรงงานต่างด้าว ชาวเมียนมา 132 คน

กาญจนบุรี จับไม่เว้นวันหยุด แรงงานต่างด้าว ชาวเมียนมา 132 คน หนีความลำบากเข้าไทย
เพื่อปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 .ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ได้บูรณาการร่วมกันกับ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 22 มกราคม ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 2 กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกรมทหารพรานที่ 14 ทำการลาดตระเวนหาข่าวพิสูจน์พื้นที่คน บริเวณดงอ้อยหมู่ที่ 12 บ้านห้วยน้ำขาว ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่หลบซ่อนของแรงงานต่าง จากนั้นจึงประสาน หมวดลาดตระเวนที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) และอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมือง ประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว เข้าดำเนินการ ร่วมกันทำการจับกุมแรงงานต่างด้าว จำนวนจำนวน 22 คน ชาย 13 คน หญิง 9 คน


ต่อมา เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 22 มกราคม มกราคม ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 2 กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกรมทหารพรานที่ 14 ทำการลาดตระเวนหาข่าวพิสูจน์พื้นที่คน บริเวณดงอ้อยหมู่ที่ 2 บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่หลบซ่อนของแรงงานต่าง จากนั้นจึงประสาน หมวดลาดตระเวนที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) และอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมือง ประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว เข้าดำเนินการ ร่วมกันทำการจับกุมแรงงานต่างด้าว จำนวนจำนวน 27 คน ชาย 17 คน หญิง 10 คน

และวันนี้ 23 มกราคม 2565 เวลา 10.30 น. ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 2 กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกรมทหารพรานที่ 14 ทำการลาดตระเวนหาข่าวพิสูจน์พื้นที่คน บริเวณดงอ้อยหมู่ที่ 2 บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่หลบซ่อนของแรงงานต่าง จากนั้นจึงประสาน หมวดลาดตระเวนที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) และอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมือง ประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว เข้าดำเนินการ ร่วมกันทำการจับกุมแรงงานต่างด้าว จำนวนจำนวน 48 คน ชาย 30 คน หญิง 18 คน รวมการจับกุมแรงงานทั้งหมด 132 คน

จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำประวัติและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ขั้นต้นไม่พบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไว้ไปที่จุดตรวจบ้านห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) เพื่อรอให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ผลักดันกลับประเทศที่ บริเวณช่องทางธรรมชาติ (หุบสังข์ทอง) บ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
จากการซักถามแรงงานต่างด้าวเดินทางมาจาก จังหวัดพะโค , จังหวัดย่างกุ้ง , จังหวัดทวาย จังหวัดเมาะลำไย จังหวัดยะไข่ ประเทศเมียนมา จะเดินทางไปทำงานที่ กรุงเทพฯ. จังหวัดสมุทรปราการ , จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดชลบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เสียค่าใช้จ่าย 17,000 – 25,000 บาทต่อคน (จ่ายแล้วบางส่วน/บางส่วนจ่ายเมื่อถึงปลายทาง) เเรงงานต่างด้าวเดินมาช่องทางธรรมชาติ ทางด้านทิศตะวันออก บ้านพุน้ำร้อน


จากการสอบถามรายงานต่างด้าวให้การว่า พวกตนได้เดินทางพักอยู่ที่ บ้านทิกิ/ทิคี่ กิ่ง อำเภอเมตตา จังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 21 มกราคม 2565 ได้มีผู้นำพาฝั่งเมียนมา จำนวน 1 คน มารับพวกตนและพาพวกตนเดินขึ้นไปส่งบนสันแดนไทย เมียนมา จากนั้นได้มีผู้นำพาฝั่งประเทศไทย จำนวน 1 คน (สวมหมวกปิดบังใบหน้า) มารับพวกตนและพาพวกตนเดินลงมาจากสันแดน โดยใช้เส้นทางธรรมชาติ ผู้นำพาจึงให้พวกตนหลบซ่อนตัวเพื่อรอรถมารับเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จากนั้นผู้นำพาจึงออกจากกลุ่มของตนไป ซึ่งในระหว่างที่พวกตนหลบซ่อนอยู่นั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่แสดงตัวและเข้าจับกุมได้เสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไว้ไปที่จุดตรวจบ้านห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) เพื่อรอให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ผลักดันกลับประเทศที่ บริเวณช่องทางธรรมชาติ (หุบสังข์ทอง) บ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี


ปัจจุบันยังมีแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ บ้าน ทิกิ/ทิคี่ และ บ้านกะตะละคี่ กิ่ง อำเภอเมตตา จังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา เตรียมที่จะลักลอบเข้ามาในประเทศไทยและที่ลักลอบเข้ามาแล้วหลบซ่อนตามภูมิประเทศ อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องคอยเฝ้าระวังและตรวจสอบ อย่างเคร่งครัด
และเมื่อเจ้าที่ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ต้องหาอาหารเพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้กิน ก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าไปดำเนินการตามกฎหมาย หรือส่งกลับประเทศ แรงานส่วนใหญ่ ไม่ได้รับประทานอาหารระหว่างเดินทางมาเป็นเวลาหลายวัน บางชุดมีเด็กเล็กติดตามมาด้วย เจ้าหน้าที่ต้องจัดหาอาหารมาเลี้ยงแรงงานต่างด้าวทั้งหมด จึงเป็นปัญหาให้ชุดจับกุมทุกครั้ง เพราะชุดจับกุมไม่มีงบประมาณค่าอาหารให้กับแรงงานที่หลบหนีเข้าเมือง จึงต้องหาอาหารมาให้แรงงานต่างด้าวได้กิน ตามมี ตามเกิด
เกษร เสมจันทร์ กาญจนบุรี