หลวงพี่น้ำฝนสอนธรรมะอยู่ให้เขารัก จากไปให้เขาคิดถึง
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ในขณะที่อาตมาเขียนจุดไฟในใจคนฉบับนี้ ก็เป็นเวลาครบรอบหนึ่งปีพอดีที่หลานชายของอาตมา คือ เจ้าเน็ต ได้จากไปด้วยอายุเพียง 20 ปี สร้างความเสียใจแก่อาตมา คนในครอบครัวสุนทรสุวรรณ และคนที่รู้จัก จนวันนี้ 6 มกราคม ครบรอบหนึ่งปีที่จากไป ทุกคนก็ยังคงคิดถึงอยู่
ความคิดถึงนี้มาจากอะไร ก็มาจากเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นขณะเขายังมีชีวิตอยู่ แต่กว่าจะเกิดเรื่องราวดี ๆ นั้น ก็เรียกได้ว่าผ่านอะไรมามากจริง ๆ
เน็ตเป็นหลานชายอาตมา เลี้ยงมาแต่เด็กเพราะเขาเสียพ่อไปแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นเขาก็อาจจะหลงทางไปบ้าง ไปเที่ยวเตร่ ไม่กลับบ้านกลับช่อง ติดเพื่อน แต่อาตมาก็เห็นว่าเพราะคบเพื่อนไม่ดี อยู่ในสังคมที่ไม่ดี จึงนำมาแก้ไขปรับปรุงเสียใหม่ ให้บวชเป็นสามเณร ใช้ผ้าเหลืองเป็นเครื่องขัดเกลานิสัย ดัดนิสัยเสียแต่ยังดัดได้ และเมื่อมีโอกาสอาตมาก็ส่งเน็ตไปร่ำเรียนที่อินเดีย ที่เมืองธรรมศาลา รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย ทำให้เน็ตได้ภาษาอังกฤษติดตัวมา และการได้อยู่ในสังคมที่สงบสุข ผู้คนยึดมั่นในพุทธศาสนา อาตมาเชื่อว่าที่นั่นมีส่วนขัดเกลาจิตใจของเน็ต ให้รู้จักการพึ่งพาตนเอง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากที่คุ้นเคย
เมื่อกลับมาแล้ว อาตมาก็ให้เน็ตทำงานที่วัดไผ่ล้อม ด้วยการให้ทำงานด้านมัลติมีเดีย ตัดต่อภาพ เสียง คุมกล้องถ่ายทอดกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด ซึ่งอาตมาเห็นฝีมือแล้วก็อัศจรรย์ใจ เพราะเน็ตทำได้ดีทีเดียว อาตมาจึงพบว่าเน็ตคงพบหนทางของเน็ตแล้ว จึงส่งเสริมให้ทำงานนี้ จะได้พัฒนาฝีมือต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ ทุกคนได้เห็นผลงาน เห็นความตั้งใจในการทำงานก็ชื่นชม รักในตัวเน็ต และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม อาตมาก็เตรียมจะจัดให้เน็ตได้บวชพระ ตามธรรมเนียมลูกผู้ชายไทย
แต่ก็ไม่ทันได้บวช 6 มกราคม 2564 เน็ตขี่รถตกคลองเสียชีวิต เป็นการจากไปอย่างกะทันหันจริง ๆ โดยทุกคนไม่ทันได้ล่ำลา สร้างความเสียใจแก่ชาววัดไผ่ล้อมเป็นอย่างยิ่ง
หนึ่งปีผ่านไป ทุกคนยังคิดถึงเน็ต ยังคิดถึงฝีมือการตัดต่อคุมกล้อง ความเบิกบานใจในการทำงาน สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เรียกได้ว่า เน็ตจากไป แต่ทุกคนยังคิดถึง อาตมาจะขอสรุปบทเรียนจากชีวิตเน็ตไว้เป็นแง่คิดจากผู้อ่านดังนี้
หนึ่ง คนเราสามารถแก้ไขปรับปรุงตนเองได้ ในอดีตเน็ตถูกชักจูงไปในทางที่ผิด แทบจะเสียผู้เสียคน เคราะห์ดีที่อาตมาเห็นเข้า อาตมาเห็นว่านั่นไม่ใช่เนื้อแท้ของเน็ต อาตมาเลี้ยงมาอาตมารู้อาตมาเห็น เน็ตเป็นคนนิสัยดี เสียที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ดี อาตมาไม่ทน อาตมาก็จัดการแก้ไขเสียให้ตรงจุด จะดุด่าห้ามปรามอย่างเดียวมันไม่ได้ผล มันต้องเริ่มที่สิ่งแวดล้อมรอบตัว จึงจัดสิ่งแวดล้อมรอบตัวเสียใหม่ ให้บวชเสีย อยู่ในสังคมชาววัดเป็นการขัดเกลานิสัย ส่งไปเรียนที่อินเดียเพื่อเรียนรู้ชีวิต เมื่อเน็ตกลับมา เน็ตค้นพบตนเอง และสามารถเดินในทางที่ถูกได้ จนกลายเป็นที่รักของคนในวัดไผ่ล้อม ฉะนั้นคนเราแก้ไขได้ ดัดนิสัยได้ ยิ่งดัดได้เร็วเท่าไรยิ่งดี ดังสำนวนไทยว่า ไม้อ่อนดัดง่าย แต่ต้องดัดให้ถูกจุดถูกปม ถ้าผู้ปกครองใส่ใจในตัวบุตรหลาน อาตมาเชื่อว่าเราจะได้คนดีกลับคืนสู่สังคมอีกมาก
คนดีไม่จำเป็นว่าต้องดีแต่กำเนิด เป็นคนที่เสียคนมาก่อนก็ได้ แต่เมื่อเขาถูกอมรมบ่มนิสัย ขัดเกลาจิตใจจนถึงจุดที่เขาคิดได้ คิดเป็น เห็นตนเอง เดินบนทางที่ถูกต้อง ก็เป็นคนดีได้ คนดีไม่ต้องเลิศเลออะไรมากมาย ขอเพียงแค่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี และทำในสิ่งที่ดี หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แค่นี้ก็เป็นปิยชนคนที่น่ารักแล้ว นั่นแหละคือดี ซึ่งเน็ตบรรลุสิ่งนี้แล้ว
สอง คนเราถ้าได้ทำในสิ่งที่รักย่อมทำได้ดี แรก ๆ เน็ตอาจจะยังไม่พบตนเอง แต่เมื่อเน็ตได้ทำงาน ได้อยู่กับกล้อง อยู่กับการตัดต่อภาพและเสียง เน็ตค้นพบตนเอง นั่นทำให้เน็ตทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดี คนเราทุกคนก็เช่นกัน เขาบอกว่าคนเราควรมีงานอดิเรก คืองานที่ทำในเวลาว่าง เป็นงานที่เรารักจริง ๆ ชีวิตจริงเราอาจจะทำงานที่เราไม่ชอบ แต่ก็ต้องทำเพื่อเลี้ยงชีพ ถ้าเรามีงานสักอย่างหนึ่งที่เราทำด้วยความรักของเราจริง ๆ จะเป็นการเสริมคุณค่า ความภูมิใจในตนเองได้อีกมาก และอาจต่อยอดเป็นเงินทองได้อีกก็ได้ บางคนชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นงานอดิเรก ใครจะไปรู้ว่าเดี๋ยวนี้เล่นเกมก็ทำเงินทำทองให้ตนเองได้ บางคนชอบถ่ายรูปถ่ายวีดีโอ ก็กลายเป็นเงินเป็นทองไปได้อีก สิ่งที่เรารักอาจจะเป็นโอกาสให้เราได้
สาม อยู่ให้เขารัก จากไปให้เขาคิดถึง ถ้าเป็นแบบนี้ อันนี้แหละบรรลุชีวิตในอุดมคติแล้ว อย่าให้เป็นประเภทว่า อยู่ให้เขาเกลียด จากไปให้เขาสาปส่ง อย่างนี้เรียกว่าเสียชาติเกิด ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก แม้อายุเฉลี่ยคนจะอยู่ที่ 70-80 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ถึงอายุเท่านั้นทุกคน บางคนต้องด่วนจากไปเสียก่อน เพราะความตายเป็นของแน่นอนที่ไม่แน่นอน แน่นอนว่าตายแน่ แต่ไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ เวลาเรามีน้อยขนาดนี้ จึงควรทำความดีแก่กัน สร้างและเก็บความทรงจำดี ๆ ระหว่างกันไว้ ถ้าพูดในทางธรรมคือ ไม่ทำอะไรที่จะเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมไม่ดีต่อกัน เพราะมันจะผูกกันไปอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
คนเราตายแต่ตัว แต่สิ่งที่ทำให้คนคนนั้นไม่ตายไปอย่างสิ้นเชิงคือความทรงจำ ความทรงจำของคนที่ยังอยู่คือสิ่งที่ทำให้ผู้จากไปยังคงมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ในความทรงจำ ถ้าเราอยากให้จำในสิ่งที่ดีงาม เราก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้ดีงาม ผลที่ตามมาคือเราย่อมเป็นที่รักของคนทั้งหลาย เมื่อเราจากไป ความทรงจำของคนที่อยู่เกี่ยวกับเราก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เราก็จะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา เป็นความทรงจำที่ดีของเขาต่อไป
จึงขอฝากสามข้อนี้เป็นคติเตือนใจสำหรับทุกคน ขอเจริญพร