สุพรรณบุรี กลุ่มครูแห่ศึกษาการปลูกกระท่อมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ศูนย์เรียนรู้ครูประภาส
พืชกระท่อมถูกขึ้นบัญชีเป็นยาเสพติด เป็นพืชต้องห้าม ใครมีไว้ในครอบครอง ทั้งผลิต ทั้งเสพ ทั้งขาย นั้นมีความผิด ตาม พรบ.พืชกระท่อม ที่ออกเมื่อปี พ.ศ.2486 กว่า 70 ปีใบกระท่อมนั้นเป็นยารักษาโรคที่หาได้ในท้องถิ่น กระทั่งมาถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกประกาศยกเลิก พรบ.ดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2564 ประชาชนสามารถนำใบกระท่อมมากิน เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้แต่ห้ามนำไปเป็นส่วนผสมยาเสพติด หลังจากมีประกาศยกเลิก พรบ.พืชกระท่อม ไม่ใช่ยาเสพติด ทำให้ประชาชนจำนวนมากหันมาสนใจปลูกพืชกระท่อมขายสร้างรายได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังมาแรง
ที่ศูนย์เรียนรู้ครูประภาส ตำบลหนองสะเดา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีคณะครูจากสหกรณ์ครู จังหวัดลพบุรี กว่า 100 คนเดินทางมาศึกษาวิธีการปลูกพืชสมุนไพร และพืชเศรษฐกิจ อื่นๆ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้วันแรก โดยมีนายเสน่ห์ บุญสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิด มีนายประภาส บุญไชย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานศูนย์พร้อมผู้ประกอบการเจ้าของสวนเกษตรต่างๆที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงร่วมให้การต้อนรับและบรรยายให้ความรู้ กับคณะครู ภายในศูนย์ ได้นำกล้าต้นกระท่อม มะม่วง มะนาว ฝรั่ง มะละกอ ซึ่งเป็นกล้าไม้พันธุ์ดี มาจำหน่ายในราคาถูกให้คณะครูได้จับจ่ายซื้อไปปลูก
นายประภาส บุญไชย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานศูนย์เรียนรู้ครูประภาส เปิดเผยว่าใบกระท่อมซึ่งเป็นสมุนไพรไทยนั้นมีคุณประโยชน์มากมายสามารถรักษาโรคได้หลายโรค เช่นกินใบกระท่อมแล้วทำให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง ทำงานได้อดทนมาก สามารถรักษาโรคเบาหวานได้โดยการนำใบกระท่อม 4-5 ใบมาลนไฟแล้วนำไปต้มกับน้ำ 1 ลิตรใช้ดื่ม ช่วยลดความดัน รักษาอาการโรคซึมเศร้า ลดความวิตกกังวล ทำให้อารมณ์ดี รักษาแผลพุพองตามร่างกาย เช่นโรคเริม งูสวัด โดยนำใบมาตำแล้วแปะบนแผล การใช้ใบกระท่อมทุกครั้งควรเอาก้านใบออกก่อน
นายประภาส บุญไชย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานศูนย์เรียนรู้ครูประภาส เปิดเผยต่ออีกว่าหลังเกษียณราชการมาได้มีความประสงค์ในการเปิดศูนย์เรียนรู้ครูประภาส ให้กับสังคมโดยตนมีความสนใจเรื่องสมุนไพรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชสมุนไพร ทั้งกัญชา กระท่อม รวมทั้งไม้ผล ต่างๆ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้ วันแรก ได้รับเกียรติจากนายเสน่ห์ บุญสุข ที่ปรึกษา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นประธาน โยได้รับความร่วมมือจากเจ้าของสวนเกษตร ชื่อดังของจังหวัดสุพรรณบุรี และอุทัยธานี มาร่วมและผู้ประกอบการอื่นๆ อีกหลายอาชีพ มาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย และวันนี้ได้มีคณะจากสหกรณ์ครูจังหวัดลพบุรี ประมาณ 100 คนเดินทางมาศึกษาดูวิธีการปลูกพืชกระท่อม เพื่อเตรียมพร้อมในการสร้างอาชีพหลังเกษียณอายุราชการ เนื่องจากขณะนี้พืชสมุนไพร เช่น กัญชา และกระท่อม นับเป็นพืชสมุนไพร เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีที่คนจำนวนมากต่างให้ความสนใจสำหรับศูนย์เรียนรู้ครูประภาส แห่งนี้เราจะให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการขยายพันธุ์ การปลูกต้นกระท่อม การดูแลรักษา ประโยชน์ของกระท่อม และการแปรรูป ต่างๆศูนย์เราจะเปิดโอกาสให้ทุกอาชีพมาร่วมมือกันเป็นเครือข่ายตรงนี้ ในอนาคตที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เราจะตั้งเป็นโรงงานแปรรูป พืชกระท่อม และให้พี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพนำสินค้ามาจำหน่ายมาพัฒนาร่วมกัน นอกจากกระท่อมแล้วยังมีแหนแดง อะซอลลา ไมโครฟิลลา เป็นพืชที่มีโปรตีนสูงถึง 30 % ขายพันธุ์ได้รวดเร็วสามารถนำไปเป็นปุ๋ยชั้นเลิศขยายพันธุ์ได้เร็ว เลี้ยงสัตว์ได้ทุกชนิด การเลี้ยงไส้เดือน การทำหมักจุลินทรีย์ การเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง หรือหอยเป๋าฮื้อ เมืองไทยซึ่งมีราคาแพงมากประเทศจีนนิยมมาก สามารถนำไปพัฒนาต่อยอกเป็นอาชีพสร้างรายได้หลักให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี ที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เรามีกระบวนการเรียนรู้ แบบครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจน การจำหน่ายและการขยายตลาด เนื่องจากเครือข่ายของศูนย์รามีทุกสาขาอาชีพดังนั้นจึงมีหลากหลายอาชีพผู้ที่สนใจจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-9760899-064-5239624-095-6162293
ภัทรพล พรมพัก/สุพรรณบุรี