สคร. 5 ราชบุรี เตือนนักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส อาจเสี่ยงเสียชีวิตได้
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กรมควบคุมโรค เตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปรับลมหนาวในช่วงนี้ ตามภูเขาและยอดดอย โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ระมัดระวังการเข้าพักอาศัยในโรงแรม รีสอร์ต หรือบ้านพักต่างๆ ที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส พร้อมแนะหากได้กลิ่นแก๊สขณะอาบน้ำ ให้รีบปิดเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สและออกจากห้องน้ำทันที
แพทย์หญิงรพีพรรณ โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศเริ่ม หนาวเย็น นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางไปเที่ยวตามภูเขา ยอดดอย และเข้าพักตามโรงแรม รีสอร์ต หรือบ้านพักต่างๆ และที่พักอาจใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สแทนระบบไฟฟ้า นักท่องเที่ยวจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง เพราะอาจได้รับอันตรายจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สระหว่างการอาบน้ำได้
สาเหตุที่ทำให้ผู้อาบน้ำป่วยและเสียชีวิต เกิดจากการใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส จะมีการ เผาไหม้เพื่อนำความร้อนไปทำให้น้ำอุ่น แต่การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ หากสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์เข้าไป จะไปเกาะจับเม็ดเลือดแดงแทนออกซิเจน ทำให้ร่างกายนำออกซิเจนไปใช้ไม่ได้ นอกจากนี้ก๊าซโพรเพนสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะไปแทนที่ออกซิเจนในอากาศ ทำให้ผู้ที่สูดอากาศเข้าไปเกิดภาวะขาดอากาศหายใจตามมา ผู้ป่วยจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มึนงง หน้ามืด หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ซึม หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น
แพทย์หญิงรพีพรรณ กล่าวต่อไปว่า คำแนะนำในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ดังนี้ 1.เจ้าของกิจการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการตรวจสอบเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย โดยติดตั้งในห้องที่มีการระบายอากาศที่เพียงพอ ควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศบริเวณใกล้เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่เกิน 1 เมตร ควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศในห้องพักเพิ่มเติม กรณีถ้ามีการใช้อุปกรณ์ชนิดก๊าซหุงต้ม ในห้องพัก ติดป้ายเตือน และบอกวิธีใช้งานอย่างชัดเจน 2.ผู้ที่เข้าพักอาศัยควรสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการสูดดมแก๊สระหว่างการใช้ห้องน้ำ เช่น วิงเวียน หน้ามืด หายใจลำบาก หรือหากได้กลิ่นแก๊ส ควรรีบปิดเครื่องและออกจากห้องน้ำทันที 3.กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ห้องน้ำที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สมากขึ้น เนื่องจากคนกลุ่มนี้หากสูดดมแก๊สเข้าไปอาจทำให้เสียชีวิตได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น 4.ควรให้ความรู้แก่ประชาชนที่เข้าพักในสถานที่ที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 5.ในกรณีที่ไม่มีพัดลมดูดอากาศ ให้สำรวจว่าประตูห้องน้ำมีช่องกว้างพอสมควรให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้หรือไม่ หากไม่มีทั้งสองอย่างให้แง้มประตูขณะอาบน้ำ เพื่อให้มีช่องลมผ่านเข้ามา 6.สถานประกอบการควรมีถังออกซิเจนขนาดเล็ก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน 7.ควรติดตั้งออกซิเจนกระป๋องพร้อมหน้ากากภายในห้องพักทุกห้อง เพื่อใช้กรณีฉุกเฉินพบผู้หมดสติจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส และข้อแนะนำการใช้ให้เห็นเด่นชัด ทั้งนี้ หากพบเห็นคนหมดสติขณะอาบน้ำ ควรเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ นำผู้ป่วยไปยังพื้นที่โล่ง ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และโทรแจ้งสายด่วน 1669 หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032310804 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 แพทย์หญิงรพีพรรณ กล่าวปิดท้าย