เจ้าสำนักสงฆ์เทพธาโร ต.บ้าหวี อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ใช้ศาสตร์เผาเหล็กผานร้อนจนไฟแดงเพลิง ก่อนแตะสมุนไพรและนาบเหล็กร้อนเหยียบรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาตตามภูมิปัญญาท้องถิ่น เผยก่อนหน้านี้เคยรักษาโยมแม่ให้หายขาดมาแล้ว คิดค่าครูแค่คนละ 20 บาทแต่ขอวันละคน
ที่สำนักสงฆ์เทพธาโร หมู่ที่ 2 ต.บ้าหวี อ.หาดสำราญ จ.ตรัง มีชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและโรคกระดูกทับเส้น มาขอให้พระปราโมทย์ นรินทร์โท เจ้าสำนักสงฆ์เทพธาโรช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยดังกล่าว โดยใช้ศาสตร์ของการเหยียบไฟตามภูมิปัญญาท้องถิ่นทางภาคอีสาน ที่ต้องก่อเตาถ่านเพื่อเผาเหล็กผานหรือเหล็กใบผานที่ใช้สำหรับไถนา ลักษณะคล้ายเตารีดและมีขนาดเท่ากับฝ่าเท้า เผาให้ร้อนจัดจนออกสีส้มแดง ก่อนใช้เท้าแตะน้ำมันสมุนไพร ซึ่งมีส่วนผสมหลักเช่น หัวไพล เหง้าว่านไฟ กลอยหัวเหลือง กลอยหัวขาว ขมิ้น น้ำมันงา และน้ำมันมะพร้าว จากนั้นจึงใช้เท้าแตะแผ่นเหล็กที่ร้อนจัด ก่อนจะเหยียบผู้ป่วยตรงบริเวณจุดที่มีอาการเจ็บปวด โดยบางจังหวะมีไฟลุกขึ้นมาจากแผ่นเหล็ก มีเสียงและควันพวยพุ่งออกมา แสดงว่าแผ่นเหล็กร้อนจัดจนได้ที่ โดยเชื่อว่าความร้อนจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ขดงอ ทำให้เลือดลมเดินไม่สะดวก สามารถคลายออกทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวและคลายความเจ็บปวดลงได้ คล้ายกับการแช่น้ำร้อนหรือการประคบร้อน ซึ่งศาสตร์แขนงนี้กำลังจะสูญหายไปเนื่องจากหาคนสืบทอดได้ยาก ซึ่งแต่ละคนอาการเจ็บป่วยไม่เท่ากัน บางคนใช้เวลารักษาเพียงไม่กี่วัน แต่บางคนอาจใช้เวลานานหลายเดือน ระยะเวลาการเหยียบน้ำมันแต่ละคนตั้งแต่ 40-60 นาที
โดยพระปราโมทย์ฯ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เพิ่งเผยแพร่การรักษาด้วยเหล็กเผาไฟแบบนี้มาเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเห็นว่ามีชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดเจ็บป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาตกันมาก รักษามาหลายหมอแล้วก็ยังไม่หาย จึงทำการรักษาให้ฟรีสำหรับคนที่มาช่วยงานสำนักสงฆ์อยู่ไม่ขาด จนกระทั่งชาวบ้านมีการบอกต่อกันไป แต่พระปราโมทย์ฯ ก็รับรักษาแค่วันละ 1 คนเท่านั้น เนื่องจากความชราภาพและมีกิจของสงฆ์ในแต่ละวันด้วย โดยคิดค่าครูคนละไม่เกิน 20 บาท เพื่อนำเงินไปบูรณะซ่อมแซมสำนักสงฆ์ที่ทรุดโทรม
ซึ่งพระปราโมทย์ เล่าว่า ตนรักษาเฉพาะผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต โรคที่เกี่ยวกับเส้นเอ็น ยกแขนขาไม่ขึ้น และคิดค่าครูไม่เกิน 20 บาทต่อคน ซึ่งแต่ละคนรักษาหายยากหายเร็วไม่เท่ากัน ซึ่งแต่เดิมตนเคยพาโยมแม่ที่ป่วยด้วยโรคอัมพาตไปรักษากับพระอาจารย์รูปหนึ่ง โดยสมัยนั้นการเดินทางยากลำบาก ทำให้พระอาจารย์ สอนวิธีการรักษาให้เพื่อจะได้ไม่ต้องพาโยมแม่เดินทางไกล รักษาอยู่นานถึง 6 ปี โยมแม่ก็หายเป็นปกติ ต่อมาพระปราโมทย์ฯ บวชเป็นพระและย้ายมาจำพรรษาที่จ.ตรังนานกว่า 15 พรรษาแล้ว แต่ไม่เคยรักษาให้ใคร จนกระทั่งนึกสงสารชาวบ้านที่เจ็บป่วยและเดินทางเข้าวัดอย่างทุลักทุเล จึงตัดสินใจรักษาให้วันละคนเท่านั้น
ด้านนายเวทิน มลยงค์ อายุ 52 ปีอยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 2 ต.บ้าหวี อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ซึ่งป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้นมานานกว่า 20 ปีแล้วได้เข้ารับการรักษาจากพระปราโมทย์จนอาการดีขึ้นกล่าวว่า ตนป่วยด้วยโรคนี้มานานเกือบ 20 ปีไปหาหมอมาหลายแห่งจนสิ้นหวังและปล่อย ไม่รักษาแล้ว โดยมีอาการขาเริ่มเล็กลีบ กล้ามเนื้อลีบตั้งแต่โคนขา น่อง และชาปลายนิ้วเท้า แต่พอเหยียบไปได้ 5 มื้อก็รู้สึกว่าเริ่มทุเลาลง แต่ตนไม่ได้เหยียบต่อเนื่องเพราะอาจารย์มีคนไข้ที่หนักกว่าเรา เลยให้เขาเหยียบไป แต่ศาสตร์นี้ตนดูว่าทางหมอหลวงคงไม่ยอมรับ แต่นี่เป็นแบบโบร่ำโบราณจากภาคอีสาน ซึ่งอาจารย์เล่าให้ฟังว่า เคยเหยียบแม่ที่ป่วยติดเตียงจนสามารถลุกขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่รับคนไข้ได้ไม่มากเพราะคนไข้ที่รักษา กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง วันหนึ่งรับได้คนเดียวหนักกว่านั้นหมอเดี้ยง ส่วนค่าครูไม่ได้กะเกณฑ์แล้วแต่จะให้ เพื่อนำไปซื้อสมุนไพรและอุปกรณ์ต่าง ๆ สุดแล้วแต่
มนต์เจริญ ศรีมงคล จ.ตรัง