กาญจนบุรี ผู้ว่าฯนำส่วนราชการวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีนำส่วนราชการวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้
วันนี้ (13 ตุลาคม 2564 ) เวลา 08.30 น. ที่ หอประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 พร้อมด้วย นางรชยา ภูมิสวัสดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี พลตำรวจตรีไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ นายชำนาญ ชื่นตา นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พันเอกบรรเจิด จันทร์ส่งเสริม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมพิธีภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้วางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากนั้นได้กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ต่อจากนั้นได้ถวายความเคารพฯ เป็นอันเสร็จพิธี
นับจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นต้นมา พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์แก่ชาวไทยตลอด 70 ปี ทั้งทรงจัดตั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญที่สุดจนทำให้พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทย คือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งพระองค์ได้ปฏิบัติพระองค์เองเป็นแบบอย่าง และพระองค์ยังเสด็จเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ได้ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ ทรงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นให้บรรเทาลงหรือหมดสิ้นไป เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและทัดเทียมกันของประชาชนทั้งชาติ ปวงชนชาวไทยต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระอาการประชวร ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ จนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคตด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลศิริราช เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี 4 เดือน 4 วัน ประชาชนทั่วประเทศต่างโศกเศร้าเสียใจและอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้คณะรัฐมนตรียังมีมติกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้ประชาชนน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เกสร เสมจันทร์ กาญจนบุรี