อยุธยา ชลประทานลงพื้นที่แจ้งแตือนพี่น้องประชาชนหลังระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น เตือนพื้นที่ตอนล่างนอกคันกั้นน้ำรับมือน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำ
นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากกรณีฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลาง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 1,300 – 1,400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที และมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 800 – 1,200 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.50 เมตร พร้อมระบุก่อนหน้านี้กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนว่าฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลักต่างๆ ก่อนจะไหลลงสู่ แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหล ผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้น 1,300 – 1,400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาทีมีการตัดยอดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 800 – 1,200 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที
จึงส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อย ตั้งแต่บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13 – 16 กันยายนนี้ ทั้งนี้ กรมชลประทานจะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมกับบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยจะไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หรือหากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,200 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ชลประทานพระนครศรีอยุธยาได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนบริเวณริมแม่น้ำน้อย ที่ตำบลหัวเวียง บางกระทุ่มและตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำแล้ว พร้อมกับให้ขนของขึ้นบนชั้น 2 ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด ชลประทานอยุธยา ลงพื้นที่แจ้งแตือนพี่น้องประชาชนหลังระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น เตือนพื้นที่ตอนล่างนอกคันกั้นน้ำรับมือน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำ
นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากกรณีฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลาง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่ม สูงขึ้น จึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 1,300 – 1,400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที และมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 800 – 1,200 ลูกบาศก์บาศ เมตร/วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.50 เมตร พร้อมระบุก่อนหน้านี้
กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนว่าฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอน บน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลักต่างๆ ก่อนจะไหลลงสู่ แม่น้ำ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้น 1,300 – 1,400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที มีการตัดยอดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 400 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 800 – 1,200 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที จึงส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อย
ตั้งแต่บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13 16 กันยายนนี้ ทั้งนี้ กรมชลประทานจะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมกับบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยจะไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หรือหากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,200 ลูกบาศก์บาศเมตร/วินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ชลประทานพระนครศรีอยุธยาได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนบริเวณริมแม่น้ำน้อย ที่ตำบลหัวเวียง บางกระทุ่มและตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำแล้ว พร้อมกับให้ขนของขึ้นบนชั้น 2 ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด
ชาญ ชูกลิ่น รายงาน
