หลวงพี่น้ำฝนเตือนสติ ดวงดีอย่าหลง ดวงลงอย่าท้อ
เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน มีสำนวนไทยสำนวนหนึ่งกล่าวว่า “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” หมายถึงช่วงเวลาที่คนคนนั้นโชคร้ายสุด ๆ พบเจอแต่เรื่องร้าย ๆ สำนวนนี้มีที่มาจากความเชื่อทางโหราศาสตร์ของไทยที่มีมาแต่โบราณ คือ เรื่องเทวดานพเคราะห์
คนไทยแต่โบราณเชื่อว่า มนุษย์เราทุกคนมีเทวดานพเคราะห์ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเสวยอายุเป็นวงรอบปีตามกำลังของเทวดาองค์นั้น และยังมีเทวดานพเคราะห์ที่เข้ามาแทรกอีกด้วย ทำให้ชะตาชีวิตของบุคคลนั้น ๆ เป็นไปตามคุณสมบัติของเทวดานพเคราะห์ที่เข้ามาเสวยอายุ และแทรกอายุ เทวดานพเคราะห์นี้ก็ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัสบดี พระราหู พระศุกร์ และพระเกตุ แต่ละองค์จะมีคุณลักษณะแตกต่างกันไป มีผลต่อดวงชะตาของมนุษย์ โดยที่วงรอบการเสวยอายุของแต่ละคน ขึ้นกับวันเกิดของบุคคลนั้น ๆ และก็น่าแปลกที่บุคคลทั้งหลายซึ่งอาตมารู้จัก พบเจอในชีวิต ก็ล้วนมีโชคชะตาที่สอดคล้องกับเทวดาที่เข้ามาเสวยอายุ และแทรกอายุบุคคลนั้น ๆ จริง ๆ
แม้แต่ตัวอาตมาเอง
โดยอายุของอาตมา อาตมาอยู่ในเกณฑ์ที่พระเสาร์เข้ามาเสวยอายุ น่าแปลกที่นับตั้งแต่พระเสาร์เข้ามาเสวยอายุอาตมาเมื่อเก้าปีที่แล้ว อาตมาพบว่าชีวิตอาตมานั้นมีปัญหารุมเร้ามากมาย มีทุกข์มากกว่าสุข แม้อาตมาจะประคองชีวิตและจิตใจของอาตมาไว้ได้ด้วยพระธรรมวินัย แต่อาตมาก็รู้สึกเหนื่อย เหมือนคนที่ถูกรุมซ้อมจนสะบักสะบอมไปหมด
กระทั่งปีนี้ เป็นปีที่เก้าตามเกณฑ์ที่พระเสาร์เสวยอายุ เหลืออีกปีหนึ่งก็จะครบสิบปีตามเกณฑ์ เรื่องราวต่าง ๆ ก็พอคลี่คลายลงไปได้ พอหายใจหายคอได้ถนัด ทำให้อาตมาตระหนักถึงความเชื่อเรื่องเทวดานพเคราะห์ของคนโบราณว่ามันเป็นไปตามนั้นจริง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
แน่นอนว่า คงยังไม่มีใครที่สามารถยืนยันได้เต็มร้อยว่า โหราศาสตร์ไม่มีจริง เพราะบนโลกนี้ก็มีหลายเรื่องราวที่สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของโหราศาสตร์อย่างหาข้อโต้แย้งได้ยาก และเกิดขึ้นจริงในทั่วทุกมุมโลก แม้ฝรั่งที่ดูจะไม่น่าจะเชื่อเรื่องดวง แต่คอลัมน์ดูดวงก็ยังคงอยู่คู่หนังสือพิมพ์อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เราในฐานะชาวพุทธ เชื่อมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เรารู้เราเห็นว่าเรื่องดวงนั้นมันมีอยู่ แต่เราควรจะปฏิบัติต่อเรื่องดวงชะตาอย่างไรในฐานะชาวพุทธ
สิ่งที่โหราศาสตร์บอกเราอย่างแรก คือ ไม่มีใครที่ดวงดีได้ตลอด และไม่มีใครที่ดวงซวยได้ตลอด อย่างเทวดานพเคราะห์ มีทั้งดาวศุภเคราะห์ คือ ดาวดี และดาวบาปเคราะห์ คือ ดาวร้าย ทุกคนต้องพบเจอเทวดานพเคราะห์ทั้งสองจำพวกนี้มิอาจหลีกหนี นี่คือสัจธรรมว่าคนเรานั้น มีขึ้น มีลง มีดี มีร้าย หมุนเวียนกันไป มีขาขึ้น และมีขาลง เราจึงต้องมีทั้งความหวัง และความระมัดระวังอยู่เสมอ ดังยานนาวากลางทะเล
เมื่อดวงดี เราอย่าเหลิง เพราะดวงดีคือกับดักชั้นยอดที่จะทำให้เราพินาศเวลาเราดวงตก สิ่งที่เคลือบแฝงมากับความโชคดี คือ กิเลสอันเย้ายวนใจ ที่จะทำให้เราทำอะไรโดยไม่คิด ทำอะไรโดยประมาท ไม่รอบคอบ มีเงินมีทอง มีโอกาส เราก็ไม่ระมัดระวัง ทำตามใจ ทำตามกิเลสตัณหาเรียกร้อง ดวงดี บุญมี ก็แล้วไป แต่พอดวงตก บุญหมดเมื่อไหร่ เท่านั้นก็ได้เรื่อง อะไรที่เป็นอกุศลก็ดี เป็นสิ่งไม่ดีก็จะปรากฏในเวลาที่เราดวงตกนั่นแหละ ฉะนั้น ในดีก็ย่อมมีร้าย สติสัมปชัญญะ สำคัญเสมอแม้ในเวลาดวงดี คิดให้ยาว คิดให้ไกล คิดให้ลึก คิดให้รอบคอบ ก่อนจะคิด จะตัดสินใจอะไร เพราะยานนาวากลางทะเลเรียบ ใครเล่าจะรู้ว่ามีอะไรรออยู่
เมื่อเราดวงตก เราอาจจะพบกับโอกาสที่ไม่เป็นใจ ความโชคร้ายต่าง ๆ ความทุกข์ระทมที่อาจจะเกิดขึ้น เราก็ต้องไม่ท้อใจ เพราะยิ่งท้อใจก็ยิ่งดวงตก กลับกัน เราต้องเพิ่มความเพียร ไม่ย่อท้อ ต้องเพิ่มแรงที่เราจะฟันฝ่าช่วงเวลาอันไม่พึงประสงค์ เหมือนยานนาวาของเราตกอยู่ในห้วงน้ำอันเชี่ยวกราก คลื่นลมอันพัดแรงจัด เราต้องออกแรงให้มากกว่าเดิม ประคองยานนาวาของเราไปจนกว่าจะพ้นคลื่นลม หากปล่อยชีวิตไปตามดวง ก็เหมือนปล่อยให้เรือไปตามคลื่นลม ซึ่งถ้าคลื่นลมบ้าพอ มันจะทำให้ยานนาวาชีวิตเราแตกล่มจมทะเลไป
ความเพียรของมนุษย์ เทวดาก็กีดกันไม่ได้ เราอาจจะเจอพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เกิดเรื่องร้ายต่าง ๆ ดั่งชีวิตกลางคลื่นทะเลบ้า แต่หากเรามีความเพียรในการฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคในเวลาที่เราดวงตก ใครก็ตำหนิเราไม่ได้ ดังคาถาที่พระมหาชนกกล่าวแก่นางมณีเมขลา ว่า
“บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ชื่อว่า ไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ญาติ เทวดา และบิดามารดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง”
พระมหาชนกเรือแตก ก็เหมือนคนเราที่เทวดานพเคราะห์ดาวร้ายมาเสวย หรือมาแทรกอายุ หากเราปล่อยชีวิตเราไปตามดวงชะตา เราก็ย่อมถูกน้ำพัดไป ถ้าบุญไม่มากพอ ก็ย่อมตกเป็นอาหารของปลาร้ายในทะเล แต่หากกระทำความเพียร ประคองชีวิตของตนให้ผ่านพ้นคลื่นลมร้ายไปได้ ดังพระมหาชนกที่ว่ายน้ำต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็นับว่าสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ที่แม้แต่เทวดานพเคราะห์ก็คงจะกีดกันไม่ได้
เราผู้เป็นชาวพุทธ แม้จะรู้ว่าดวงชะตานั้นมีอิทธิพลต่อตนเองอยู่ เราอาจจะได้รับโชคร้ายต่าง ๆ ตามวิสัยของเทวดานพเคราะห์องค์นั้น ๆ ที่มาเสวยอายุ แต่ไม่พึงให้ดวงชะตากุมอำนาจเหนือเรา ดังพระมหาชนกไม่ยอมก้มหัวให้ชะตากรรมอันโหดร้ายกลางทะเล
หรืออย่างที่เพลงดังในอดีตกล่าวไว้ว่า
“สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน ต้องสู้ ต้องสู้จึงจะชนะ”
ขอเจริญพร