สมุทรปราการ ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมสาวไทยหลอกลวงต่างชาติร่วมลงทุนประกอบธุรกิจนำเที่ยวและธุรกิจให้บริการต่อวีซ่า
*****เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 2 เม.ย.2564 พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผบช.ทท พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ทท.1 และนางสาวศิริวรรณ พรเลิศวิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวผลดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดและผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสำคัญจำนวน 3 คดี คดีแรก จับกุมสาวไทยหลอกลวงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติร่วมลงทุนประกอบธุรกิจนำเที่ยวและธุรกิจให้บริการต่อวีซ่า จับกุม น.ส.วรินทร(สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.69/2564 และ จ.70/2564 ลงวันที่ 1 ก.พ. 64 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2564 ที่บริเวณอาคารเลขที่ 261/1-173 ยุคลรัตน์คอนโดมีเนี่ยม อาคารบี ห้อง 261/154 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
*****สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ (ญี่ปุ่น-สิงคโปร์) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจนำเที่ยวและให้บริการต่อวีซ่า โดยคดีดังกล่าวพบผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติกว่า 20 คน รวมมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท จากการสืบสวนติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา น.ส.ววรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.69/2564 และ จ.70/2564 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2564 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 ที่บริเวณอาคารเลขที่ 261/1-173 ยุคลรัตน์คอนโดมีเนี่ยม อาคารบี ห้อง 261/154 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่
*****จากการสอบสวน น.ส.วรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา ทราบว่า ได้มีการเปิดบริษัท โลโคโมชั่นทัวร์ จำกัด หรือ LCMT Travel ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ปรากฏผลการดำเนินธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ จึงหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการต่อวีซ่าหรือขอวีซ่า ประเภทเกษียณอายุ (Retirement) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่าผู้ขออนุญาตขอวีซ่าต้องมีเงินในบัญชีจำนวน 800,000 บาท โดยใช้ชื่อบริษัทเดิม ประกอบกับ น.ส.วรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา มีแฟนเป็นชาวญี่ปุ่น
จึงมีความสามารถในการสนทนาภาษาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี มีบุคลิกน่าเชื่อถือ จึงได้ชักชวนชาวญี่ปุ่นและสิงคโปร์ มาร่วมลงทุนโดยเสนอผลตอบแทน 10% ต่อเดือน จนมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสนใจร่วมลงทุนกว่า 20 ราย โดยในช่วงแรก ๆ ได้ให้ผลตอบแทนตามที่ได้เสนอจริง แต่ช่วงหลังๆ ผู้เสียหายไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้เสนอไป พยายามทวงถาม น.ส.วรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาแต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ผู้เสียหายจึงทราบว่าถูกหลอกลวงและทำให้เกิดความเสียหายรวมกันไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท จึงได้พากันไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสวบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่มาแจ้งความร้องทุกข์อีกจำนวนมาก พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 กองกำกับควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้ทำการสืบสวนติดตามจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาบริเวณอาคารเลขที่ 261/1-173 ยุคลรัตน์คอนโดมีเนี่ยม อาคารบี ห้อง 261/154 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร นำมาดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย
*****คดีที่ 2 จับกุมตัว น.ส.สุภาเพ็ญ(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาแอบอ้างว่าสามารถออกใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ให้ได้ โดยไม่ต้องผ่านการดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 สามารถจับกุมตัว น.ส.สุภาเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 611/2564 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2564 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคลคลหนึ่ง สามารถจับตัวกุมได้ที่ บริเวณ สน.ปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
*****จากการสอบสวน น.ส.สุภาเพ็ญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ทราบว่า ผู้ต้องหาผู้ต้องหามีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เช่น เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว , เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจารย์ของมหาวิทยาลัย (ซึ่งมีหลักสูตรเกี่ยวกับอาชีพมัคคุเทศก์) เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และหลอกลวงโดยใช้วิธีการโฆษณาประกาศข้อความผ่านทางเฟสบุค และช่องทางอื่นตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยอ้างว่าตนสามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์(บัตรไกด์)ได้ เมื่อมีผู้สนใจ ผู้ต้องหาก็จะทำการติดต่อพูดคุยรายละเอียดผ่านทางโทรศัพท์และแอปพลิเคชันไลน์ จนสามารถทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาสามารถติดต่อประสานงาน เพื่อให้สามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ (บัตรไกด์)ได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดจนมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปที่บัญชีธนาคารของผู้ต้องหา จำนวนหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 300,000 บาท และหลังจากผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่สามารถออกใบอนุญาตมัคคุเทศก์ได้จริงตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายจึงทราบว่าถูกหลอกลวงและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 ได้จับตัวกุมได้ที่ บริเวณ สน.ปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นางสาวสุภาเพ็ญฯ เคยต้องโทษในคดีลักทรัพย์ ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง , สน.ลาดพร้าว และ สน.ทองหล่อ มาก่อนอีกด้วย
*****คดีที่ 3 จับกุมตัว น.ส.วนิดา (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ จ.67/2564 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2564 สามารถจับกุมตัวหน้าบ้านเลขที่ 59/48 ถ.เทพประทาน หมู่ที่1 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต และน.ส.ธัญชนก(ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ จ.68/2564 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2564 สามารถจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 29/96 ถนนรัษฎานุสรณ์ ซอยแม่กลิ่น หมู่ที่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต คดี Romance Scam หรือ แสร้งรักออนไลน์ ซึ่งเป็นกรณีชาวต่างชาติปลอมเฟสบุ๊คเป็นบุคคลหน้าตาดี โดยร่วมมือกับหญิงไทยหลอกโอนเงินค่าพัสดุจากต่างประเทศ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกจับกุมในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น
*****จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้เฟซบุ๊กปลอมชื่อ Amit Khan ซึ่งมีภาพโปรไฟล์เป็นชาวต่างชาติผิวขาวหน้าตาดี ประกอบอาชีพนักบิน แอดมาเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย และได้คุยกันเรื่อยมา ซึ่งในระหว่างคุยกันกลุ่มผู้ต้องหามีการส่งภาพถ่ายเป็นภาพเงินสดจำนวนมาก ทองคำ เครื่องประดับราคาสูง ให้ผู้เสียหายดู เพื่อให้เชื่อว่าตนเองมีทรัพย์สินจำนวนมาก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2564 กลุ่มผู้ต้องหาได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหายเพื่อหลอกลวงว่ามีพัสดุมูลค่าสูงจัดส่งมาให้แก่ผู้เสียหาย โดยมีค่าจัดส่งเบื้องต้นจำนวน 21,000 บาท บาท นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังได้ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า BP solution แอดเข้ามาสนทนากับผู้เสียหายในเรื่องการชำระค่าส่งพัสดุดังกล่าวอีกทางหนึ่งเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดยได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าพัสดุเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง และในส่วนที่เหลือให้ไปชำระในขณะที่ไปรับพัสดุได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้โอนเงินไปจำนวน 2 ครั้ง มูลค่าความเสียหายรวม 51,000 บาท ต่อมาเมื่อผู้เสียหายไปรับสินค้าด้วยตัวเองที่สนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏว่าไม่มีพัสดุถึงผู้เสียหาย จึงทราบว่าถูกหลอกลวง และได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จนกระทั่งกลุ่มผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ ที่ จ.ภูเก็ต ในเวลาต่อมา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับส่วนแบ่งค่าจ้างจากชาวไนจีเรียคนหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป
*****กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากเตือนประชาชนว่าการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คดีนี้ โดยในคดีแรก มีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติจำนวนหลายรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นหญิงไทย มีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูงและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนคดีที่ 2 และ 3 แม้มูลค่าความเสียหายจะไม่มากนักและเป็นการหลอกลวงที่มีแผนประทุษกรรมที่คล้ายกับคดีฉ้อโกงอื่นๆ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว จึงเป็นการแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนให้พึงระมัดระวัง กลุ่มมิจฉาชีพที่ปัจจุบัน แฝงตัวมาหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากถึงนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง
……………………………………………………………………………………..
วิวรรธน์ ยั่งยืนเตชานนท์ สมุทรปราการ 0916986925