กาญจนบุรี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะลงพื้นที่ห้วยกระเจาดู”น้ำพุโซดา”
วันนี้(1 เมษายน 2564) เวลา 11.00 น. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเยี่ยมชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณและที่หมู่ 12 บ้านพยอมงาม ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา โดยมีนายสิริพงษ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศบาลตำบลห้วยกระเจาและว่าที่นายกเทศบาลตำบลห้วยกระเจา นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักงานสำรวจและประเมิลศักยภาพน้ำบาดาด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ.พร้อม หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของอำเภอห้วยกระเจา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องประชาชนชาวอำเภอห้วยกระเจาและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยี่ยมชม”บ่อน้ำพุโซดา”ให้การต้อนรับ ณ บริเวณพื้นที่หมู่ 12 บ้านพยอมงาม ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
ต่อจากนั้นคณะของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้เดินทางมาถึงยังบริเวณ” บ่อน้ำพุโซดา” หมู่ที่ 19 บ้านทุ่งคูณ ตำบลห้วยกระเจา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้เดินทางลงพื้นที่ริม”บ่อน้ำพุโซดา”ที่พบในทันทีพร้อมกับสอบถามเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับเรื่องน้ำและปริมาณน้ำใต้ดินมีปริมาณน้ำมากน้อยเพียงใดรวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำแร่โซดาแห่งนี้ที่ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาดเจาะพบในครั้งนี้
จากนั้น นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และ คณะได้เดินทางไปยังบ่อ”น้ำพุโซดา”ในจุดที่ 2 ที่ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดได้ดำเนินการขุดเจาะจนพบแหล่งน้ำที่มีรสชาติเหมือนโซดา แบบเดียวกับจุดแรกที่พบ
ส่วนบ่อน้ำพุโซดาจุดที่ 2 นึ้ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดานได้ทำการขุดเจาะในความลึกที่ 285 เมตร เจ้าหน้าที่จึงพบน้ำแหล่งน้ำใต้ดิน ส่วนบ่อที่ 1 ความลึกที่ความลึก 303 เมตร ส่วนปริมาณน้ำทั้ง 2 บ่อ มีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 66 ลบ.เมตร/ ชม. คิดเป็นปริมาตรรวมกว่า 1.700,000 ลบ.เมตร/
ต่อจากนั้นคณะของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจึงได้เดินทางไปยังบริเวณพื้นที่หมู่ที่ 12 บ้านพยอมงาม ตำบลห้วยกระเจา ที่พบบ่อน้ำแร่โซดา จำนวน 4 บ่อ มีปริมาณน้ำที่ 52 ลบ.เมตร/ชม.เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับ
นายสิริพงษ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศบาลตำบลห้วยกระเจา ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า ปริมาณน้ำที่ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดานได้ดำเนินขุดเจาพื้นที่ที่พบน้ำมีจำนวนทั้งสิ้้น 6 บ่อ ก็คือที่หมู่ 12 บ้านพยอมงาม จำนวน 4 บ่อ มีปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ 52 ลบ.เมตร/ชม.และที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณตำบลห้วยกระเจา จำนวน 2 บ่อ มีปริมาณน้ำ 66 ลบ.เมตร/ชม คิดปริมาตรรวมทั้งสิ้นทั้ง 6 บ่อมีปริมาตรกว่า 1.700,000 ลบ.เมตร/ปี ส่วนการบริหารจัดการน้ำดังกล่าวทึ่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มีจำนวน 15 หมู่บ้าน 7,000 กว่าครัวเรือน พื้นที่เกษตร 6,000 ไร่
นายสิริพงษ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศบาลตำบลห้วยกระเจา และว่าที่ นายก ได้กล่าวท้ายสุดว่า แหล่งน้ำที่ทางเจ้าหน้าที่ขุดเจาะพบในครั้งนี้ น้ำดังกล่าวมีลักษณะพิเศษกว่าแหล่งน้ำที่อื่นก็คือ เรื่องของรสชาติ น้ำที่พบในพื้นที่อำเภอห้วยกระเจาของเราน้้ำดังกล่าวจะมีรสชาติคล้ายกับโซดา และมีรสชาติหวานนิดๆสามารถนำไปดื่มได้แต่ต้องผ่านกรรมวิธีในการกรองก่อน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดานได้เอาตัวอย่างน้ำที่พบในครั้งนี้มีคุณภาพสูงมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์เกือบ 10 ชนิด การขุดเจอบ่อน้ำดังกล่าวถือได้ว่า เป็นการขุดพบแหล่งน้ำพุธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษที่ยังไม่เคยพบที่ใดมาก่อนเลยในประเทศไทยพึ่งจะมาแห่งแรกก็ที่อำเภอห้วยกระเจาของเรานี่แหละ ความโชคร้ายของคนห้วยกระเจาที่ผ่านมาประสบกับความยากลำบากมาโดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องของน้ำทั้งน้ำบริโภคและอุปโภคจนพื้นห้วยกระเจาเราได้ชื่อเป็นอีสานภาคกลางเลยก็ว่าได้ การขุดเจาะบ่อน้ำบาดานในครั้งนี้เหมือนฟ้ามีตาได้ประทานน้ำคุณภาพสูงที่ไม่เคยพบที่ใดในประเทศไทยให้มาอยู่กับคนห้วยกระเจาของเราพร้อมกับกล่าวหัวเราะและเดินทางกลับ.
เกษร เสมจันทร์