ปทุมธานี ม.รังสิตร่วมกับสมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย ระเบิดศึกยูยิตสูชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่11

ม.รังสิต ร่วมกับ สมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย ระเบิดศึกยูยิตสูชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 11ชิงทุนการศึกษากว่า 2 แสนบาท
มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับ สมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬายูยิตสูชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่14-15 พฤศจิกายน 2563 ณ อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต ชิงทุนการศึกษากว่า 2 แสนบาท พร้อมบินลัดฟ้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยมี นักกีฬา 996 คน จาก 128 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขัน


ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์ รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีโอกาสต้อนรับท่านผู้มีเกียรติเข้าร่วมการแข่งขันกีฬายูยิตสูชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 11 ซึ่งกีฬายูยิตสู เป็นศาสตร์ในการต่อสู้ เป็นศิลปะป้องกันตัว ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่มีส่วนทำให้ร่างกายของมนุษย์มีความเจริญเติบโตเต็มศักยภาพ มีความสมบูรณ์และแข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ กีฬายูยิตสูสอนให้คนรู้จักการอ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพไม่ เห็นแก่ตัว และพร้อมจะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสิ่งดีงาม ด้วยความสงบ อ่อนโยน และคิดว่าความสงบอ่อนโยนจะสามารถเอาชนะความแข็งกระด้างได้ ถึงแม้มันอาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยเท่ากีฬาชนิดอื่น แต่ผมคิดว่าถ้าได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีที่คอยพัฒนาและปลูกฝังเด็กตั้งแต่เยาวชน ผมเชื่อแน่ว่ากีฬายูยิตสูจะต้องได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างแน่นอน


ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชาญชัย สุขสุวรรณ์ นายกสมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย/ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกีฬา ม.รังสิต กล่าวว่า ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยรังสิต และผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและภาคเอกชนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆเยาวชนทั่วประเทศได้มาประลองฝีมือและเป็นเวทีเพื่อสร้างสมประสบการณ์ในการพัฒนาตัวเองไปสู่นักกีฬาทีมชาติไทยในอนาคต โดยปีนี้สมาคม มีรางวัลพิเศษ 2 รางวัลใหญ่คือ 1. Proflex มอบเงินรางวัล 200,000 บาท ให้กับนักกีฬายอดเยี่ยม ชาย/หญิง รางวัลละ 100,000 บาท และ 2. สมาคม Deep MMA ประเทศญี่ปุ่น มอบเงินรางวัล 60,000 บาท ให้กับนักกีฬายอดเยี่ยมการแข่งขันประเภท full contact พร้อมลุ้นสิทธิเซ็นสัญญาเป็นนักสู้ในสังกัด deep บินไปแข่งขัน ณ ประเทศญี่ปุ่น หลังสถานการณ์โควิด-19ปกติ